รูปแบบของ การทำธุรกิจขายตรง เป็นรูปแบบการขายที่ถูกต้องหรือไม่ ??

Standard

ในเรื่องของแบบอย่างวิธีการทำธุรกิจที่เกิดขึ้นนั้นได้มีการคิดกระบวนการทำธุรกิจในแบบต่างไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจทั่วๆไปหรือแนวทางการทำธุรกิจออนไลน์ที่ได้มีการใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยเป็นตัวกลางวิธีการทำธุรกิจที่มีอยู่ไว้ใช้เพื่อสำหรับในการติดต่อหรือการใช้เป็นหนทางการโฆษณาธุรกิจที่ตนเองได้เปิดไว้ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งในเรื่องของแบบอย่างแนวทางการทำธุรกิจที่มีอยู่เยอะมากๆนี้เองก็ได้มีแบบอย่างธุรกิจหนึ่งที่จะมานำเสนอให้รู้เรื่องและก็บอกเหตุผลถึงการที่ธุรกิจที่กำลังจะเสนอนี้มีคนพอใจทำกันมหาศาล นั้นเป็นแนวทางการทำธุรกิจในแบบ ธุรกิจขายตรง ( MLM )

การทำธุรกิจขายตรง หรือ MLM ย่อมาจาก Multi Level Marketing เป็นต้นแบบวิธีการทำธุรกิจที่เป็นลำดับชั้นโดยมีวิธีทำงานที่เป็นระบบโครงข่ายลำดับขั้นและก็เปรียบได้ดั่งแนวทางการทำธุรกิจขายตรงโดยแนวทางการขายผลิตภัณฑ์ส่งต่อให้กับผู้ซื้อโดยตรง เพื่อเพิ่มช่องทางกระจัดกระจายผลิตภัณฑ์ของธุรกิจออกไปให้เพิ่มช่องทางแนวทางการขายที่มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบบกระบวนการตลาดที่ได้มีการชี้แนะแนวทางการขายผลิตภัณฑ์โดยตรงให้กับลูกค้าคนแรกให้แปลงเป็นผู้ทำธุรกิจอีกผู้ที่จะขายของนั้นถัดไป 

รูปแบบขั้นตอน การทำธุรกิจขายตรง เป็นการทำธุรกิจที่แตกต่างจากการแชร์ลูกโซ่ที่มิได้มีฐานบริษัทเป็นหลักแหล่งทำให้ผู้คนที่ได้ให้ธุรกิจที่ได้มีแบบกระบวนการทำนี้กำเนิดความพึงพอใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจลักษณะนี้กันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเหตุว่าวิธีการทำธุรกิจลักษณะนี้นั้นไม่จำเป็นที่ต้องมีหน้าร้านค้าของตน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการหาสถานที่ มีฐานวิธีการทำการตลาดที่เปิดกว้างทำให้ช่องทางแนวทางการขายนั้นมากขึ้นมา สามารถเริ่มธุรกิจได้ตามจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไปที่จะสามารถเริ่มจากธุรกิจอันดับแรก ก่อนสู่ธุรกิจระดับสูง มีการกระจัดกระจายผลิตภัณฑ์สินค้าสู่คนซื้ออย่างเร็ว สามารถเป็นการทำอาชีพเสริมที่จะทำคู่กับงานการที่ทำอยู่ได้เพียงแค่จัดสรรเวลาให้ดี จากมุมมองกลุ่มนี้ทำให้ การทำธุรกิจขายตรง นั้นก็เป็นแบบอย่างธุรกิจยอดนิยมอย่างมากแบบเดียวกัน

นอกเหนือจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจลักษณะนี้แล้วนั้นในขณะนี้จากการที่ได้มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยสำหรับการทำธุรกิจนั้นทำให้ต้นแบบวิธีการทำธุรกิจต่างๆเองก็เริ่มที่จะเข้ามาใช้วิถีทางนี้สำหรับการทำธุรกิจด้วยเหตุว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกที่เปิดกว้างทางด้านการเป็นแหล่งแชร์ข้อมูลติดต่อและทำการสื่อสารกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมือนกับแต่ก่อนที่ยังมิได้มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยสำหรับการทำธุรกิจที่เกิดขึ้นมาจำนวนมากนี้ทำให้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจในปัจจุบันนี้เองก็มีการชิงชัยทางธุรกิจที่ออกจะสูงก็เลยจึงควรมีการคิดแนวทางหรือการแบบการทำธุรกิจที่ไม่เหมือนกับเดิมเพื่อสร้างจุดสนใจให้กับธุรกิจของตนเองนั้นได้ได้โอกาสที่จะสร้างรายได้เข้ามาสู่ธุรกิจที่ได้มีการเปิดให้บริการนั้นเอง

 

จะดีแค่ไหนถ้ามีการวางแผนที่ดีก่อนซื้อบ้านมือสอง

Standard

การวางแผนก่อนการตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ที่เงินดาวน์ เมื่อคุณมีเงินดาวน์ที่พร้อม รับรองว่าการซื้อบ้านของคุณนั้นก็จะง่ายและเร็วขึ้น ยิ่งเงินดาวน์เยอะ อัตราค่าผ่อนในแต่ละเดือนก็จะลดลงด้วย และที่สำคัญเมื่อเราซื้อบ้านมือสองแล้วนั้นเรายังมีเรื่องของปัจจัยภาษีอีก ดังนั้นต้องศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจ

บ้านมือสอง ไม่ควรซื้อราคาสูงเกินกำลัง

การเลือกบ้านมือสองที่เหมาะสมควรเป็นไปตามกำลังความสามารถในการผ่อนชำระ ไม่ควรซื้อบ้านราคาสูงเกินกำลัง เพราะแทนที่จะมีชีวิตสุขสบายกับบ้านหลังใหม่ สามารถแบกรับภาระหนี้ในการผ่อนชำระต่อไปในอนาคตอีกนับสิบๆ ปี เพราะปกติเมื่อเราทำงานได้ตามเกณฑ์ทั่วไปที่ธนาคารกำหนด คือทำงานต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปี ก็สามารถกู้ซื้อบ้านได้แล้ว

หากซื้อบ้านมือสองที่มีราคาสูงเกินความสามารถก็จะกลายเป็นทุกข์เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการตั้งหน้าตั้งตาหาเงินมาผ่อนชำระค่าบ้าน จนไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนั้น โดยทั่วไป ค่าผ่อนบ้านในอัตราที่เหมาะสม คือ 25% ของรายได้ และมากสุด ไม่ควรเกิน 35% เพราะจะทำให้ภาระหนี้ตึงมือ จนทำให้บ้านหลุดมือไปได้

ก่อนที่เราจะซื้อบ้านมือสอง เราต้องมีเงินดาวน์อย่างน้อย 10 % ของราคาบ้าน เพื่อเป็นหลักประกันว่าอย่างน้อยเราดาวน์ไปแล้วขนาดนี้ ในการผ่อนก็อาจจะไม่ต้องหนัก แต่ถ้าหากใครมีเงินดาวน์ที่มากกว่านี้ ก็สามารถทำได้ ยิ่งเงินดาวน์มากเท่าไร ดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านนั้นก็จะลดลงด้วย

ระยะเวลาในการผ่อนชำระบ้านมือสอง

ในการผ่อนชำระค่าบ้านมือสองนั้น ผู้ซื้อจะต้องคำนวณแล้วว่าตัวเองจะสามารถผ่อนได้ โดยที่ค่าผ่อนบ้านนั้นจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 40% ของเงินเดือน เพราะหากว่าน้อยกว่านั้นอาจจะทำให้ดอกเบี้ยนั้นเพิ่มขึ้นได้ และระยะเวลาในการผ่อนก็จะมากขึ้น ส่วนในการกู้นั้นหากกู้คนเดียวไม่ได้ เราสามารถที่จะมีผู้ที่จะกู้ร่วมกับเราได้

ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเราซื้อบ้านมือสองระยะเวลาสูงสุดก็จะอยู่ที่ 30 ปี เมื่อรวมกับระยะเวลาของผู้กู้แล้วจะไม่เกิน 60-65 ปี ถ้าระยะเวลาสั้น ในแต่ละเดือนนั้นค่าผ่อนก็อาจจะมีมูลค่ามาก แต่ถ้าระยะเวลาที่ยาว ก็ถ้ารู้สึกไม่ไหว ก็ให้เลือกสูงๆ เอาไว้ก่อน แต่ถ้าผ่อนต่อเดือนได้สูง อัตราดอกเบี้ยก็จะค่อย ๆ ลดลง และภาระค่าผ่อนก็จะหมดเร็วยิ่งขึ้น

ในการซื้อบ้านมือสองนั้นรูปแบบดอกเบี้ยจะมีด้วยกัน 2 แบบคือ รูปแบบลอยตัว และรูปแบบคงที่ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในตอนนั้น โดยปกติการขอกูบ้านในราคา 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 6.7% หรือประมาณ 7,200 บาท ต่อเดือน ซึ่งมีระยะเวลาในการผ่อนชำระอยู่ที่ 30 ปี นั่นเอง แต่หากเราสามารถที่จะปิดได้เร็วก็จะยิ่งดี